วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บทความที่ 4

วิธีแก้เครียด

   1.ออกกำลังกาย การ ออกกำลังกายจะทำให้เกิดการหลังของสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งทำให้คุณรู้สึกดี มีพลัง และต่อต้านความเครียดได้ดี ควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที่ในการออกกำลังเพื่อลดความเครียด โดยเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณ เช่น การออกกำลังกายที่ง่ายๆที่สุด คือการวิ่งหรือเดินเร็ว หากเป็นผู้สูงอายุหรือเป็นผู้ที่ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ควร ว่ายน้ำ หรือเล่นโยคะ หากต้องการเล่นกีฬาเป็นทีมควรเลือก ฟุตบอล หรือเทนนิส
   2.หยุดพักหรือท่องเที่ยว การหยุดพักหรือหยุดคิดจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจลดความตึงเครียดและผ่อนคลาย แม้แค่เพียง 5-10 นาที การพักยาวหรือไปเที่ยวในสถานที่แปลกใหม่ พบผู้คนในสถานที่นั้น จะช่วยให้เบนความสนใจในเรื่องที่คิด กังกล หรือเครียดอยู่
   3.ทานอาหารคลายเครียด อาหารที่ลดความเครียดได้แก่ กล้วย ส้ม บลูเบอรี่ นมและโยเกิร์ต ปลา ถั่ว เนื้อไก่ และ ธัญพืช ซึ่งมีสารทริปโตเฟน และกรดอะมิโนที่ช่วยหลั่งสารแห่งความสุข และทำให้รู้สึกสงบ รวมทั้งวิตามินต่างๆที่ช่วยลดความเครียดได้ และต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย
   4.ฝึกหายใจ ทำสมาธิ เมื่อร่างกายเครียดจะทำให้การหายใจผิดปกติ การหายใจลึกๆ จะช่วยให้เลือดและสมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้สดชื่นขึ้น โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมบริเวณหน้าท้อง เมื่อหายใจเข้าลึกและช้า หน้าท้องจะค่อยๆพองออก และเมื่อหายใจออก หน้าท้องจะค่อยๆยุบลง ใช้มือแตะท้องเพื่อรับรู้สภาพป่องและแฟบของท้องแล้วฝึกไปเรื่อยๆ อาจฝึกร่วมกับการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ
   5.พูดระบายความเครียด การพูดคือการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง หาเพื่อนสนิท ไว้ใจได้ และมีความอดทดสูงในการฟัง ถ้าไม่มีอาจพูดกับสัตว์เลี้ยง หรือกับตัวเองก็ได้ ระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา เพราะเท่ากับเราได้ทบทวนตัวเองไปด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหรือรับฟังเรื่องราวของเรา
   6.รู้จักปฏิเสธ ถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังทำงาน เข้าสังคมพบปะผู้คน หรือต้องรับภาระทางครอบครัวมากจน เกินไป คุณควรจะเรียนรู้วิธีการบอกปฏิเสธ หรือร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพื่อแบ่งเบาภาระหรือความกังวลกับเวลาและพลังงานที่ทุมให้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มากเกินไป
   7.คิดในแง่ดี ความเครียดส่วนใหญ่เกิดจากความคิดและการรับรู้ของแต่ละบุคคล ทำให้แต่ละคนแบกรับความเครียดได้ไม่เท่ากัน ลองหยุดคิดว่าคุณจำเป็นต้องเครียดกับเรื่องเหล่านี้จริงๆหรือ  และมีมุมุมองแง่คิดดีๆใดบ้าง ที่สามารถช่วยคุณหลุดพ้นจากความเครียดเหล่านั้น
   8.ทำกิจกรรมที่อยากทำ เช่น ดูหนังหรือรายการที่ชอบ การฟังดนตรี ปลูกต้นไม้ วาดรูป สะสมสิ่งของ ที่ชอบ การอ่านหนังสือ การบำบัดอโรมาเทอราพี การคลายความเครียดด้วยการนวด หรือสปา

วิดีโอเกี่ยวกับวิธีคลายเครียด

วีดีโอแนะนำวิธีคลายเครียดในที่ทำงาน เช่น การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม การเปลี่ยนงานที่ติดขัดไปทำอย่างอื่นก่อน รับประทานผลไม้สด การบริหารไหล่ การพูดช้า หรืออยู่เงียบๆคนเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บทความที่ 3 

โบกมือลาความอ้วนด้วย 8 เคล็ดลับง่ายๆ


   หากถามใครก็ตามที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก ในระยะยาวว่า พวกเขาทำได้อย่างไร แน่นอนว่า เรื่องหนึ่งที่พวกเขาต้องพดถึงก็คือการควบคุมปริมาณการกิน ซึ่งสามารถทำให้ความพยายามของคุณทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว ลองมาเรียนรู้ 8 เคล็ดลับที่ช่วยคุณได้ต่อไปนี้

   1. พบกันครึ่งทาง
   คุณสามารถลดแคลอรีลงได้ราว 50% โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพียงแค่กินมันครึ่งเดียวพอ เช่น เวลาไปกินอาหารที่ร้าน แบ่งอาหารออกครึ่งหนึ่ง แล้วให้เอาไปห่อกลับบ้านทันที แล้วกินช้าๆ เพื่อที่จะได้ลิ้มรสอาหารอย่างเต็มที่
   จำไว้ว่ามันต้องใช้เวลา 20 นาทีถึงจะเริ่มรู้สึกถึงความอิ่ม การกินช้าๆ จึงป้องกันไม่ให้คุณกินเยอะเกินไป คุณสามารถเอาอาหารที่ห่อออกมากินต่อได้ ถ้าไม่อิ่มจริงๆ แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณจะไม่ต้องทำอย่างนั้น

   2. แบ่งของเหลือให้เล็กลง
   แทนการใช้ภาชนะขนาดใหญ่ใส่ของเหลือทั้งหมดรวมกัน แยกมันใส่ภาชนะเล็กๆ ขนาดพอดีสำหรับหนึ่งที่ และเวลาที่คุณเปิดตู้เย็นเพื่อหาของกิน จะได้อุ่นของกินเฉพาะสำหรับคนเดียว แทนการอุ่นที่ใหญ่ๆ และกินมันจนหมด

   3. กินสลัด
   การกินสลัดก่อนอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ จะช่วยระงับความอยากอาหารของคุณ และทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น และแทนที่จะกินแต่ผักใบเขียวอย่างเดียว เติมสลัดของคุณด้วยเนื้อสัตว์แบบไร้ไขมัน เช่น เนื้ออกไก่หรือปลา เส้นใยอาหารจากผักจะทำให้คุณอิ่ม และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ก็จะเพิ่มพลังงานให้ด้วย

   4. ซื้อของกินขนาดเล็กๆ
   ซื้อของว่างในห่อบรรจุขนาดหนึ่งที่ เพราะมันอาจไม่ง่ายนักที่จะหยุดกิน ถ้าคุณกินของจากถุงใหญ่ๆ แต่คงไม่สนุกนักสำหรับการต้องแกะห่อหลายๆ ครั้ง
   
   5. กินมื้อย่อยๆ
   คุณจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และไม่กินมากจนเกินไป ด้วยการกินอาหารมื้อเล็กๆ ตลอดทั้งวัน เพราะคุณจะไม่หิวมากเกินไปจนทำให้กินไม่ยั้ง และควบคุมปริมาณการกินไม่ได้

   6. อย่ากินเบิ้ล
   ลองเปลี่ยนวิธีการเสิร์ฟอาหาร ด้วยการตักอาหารใส่จานเฉพาะหนึ่งที่ แล้วเก็บของที่เหลือให้พ้นหูพ้นตา เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรล่อใจให้อยากกินต่อจานที่สอง

   7. เอาใจตัวเอง
   นานๆครั้งโดยให้ตัวเองได้กินอาหาร “ต้องห้าม” ดูบ้าง เพื่อไม่ให้คุณรู้สึกว่าอดอยาก จนอยากจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าให้วับหายไปกับตา

   8. เลิกกินบุฟเฟต์ได้แล้ว
   มันอาจดูคุ้มค่า แต่การกินอาหารบุฟเฟต์คือศัตรูตัวฉกาจของการคุมปริมาณการกิน เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคุมปริมาณการกินในขณะที่คุณอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ “กินทุกอย่างเท่าที่สามารถกินได้”และสิ่งสำคัญก็อย่าลืมออกกำลังกายไปพร้อมๆกับการควบคุมการกินเพื่อร่างกายจะได้กระชับ แข็งแรง มีสุขภาพ ที่ดีด้วยเห็นไหมละค่ะท่านผู้อ่านหากเราเอาชนะใจตัวเองในเรื่องกินและสามารถควบคุมมันได้ ไม่ให้เกินความต้องการของร่างกายที่จะนำไปใช้...เราก็จะเป็นเจ้าของหุ่นที่เพรียวบาง สมส่วน และโบกมือบ๊าย บาย หุ่นยัยตุ่มน้ำต๊ะตุ้มตุ้ยได้เลยค่ะ!!

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แบบฝึกหัดบทที่ 8 การใช้สารสนเทศตามกฎหมายและจริยธรรม

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN 

คำชี้แจง จงพิจารณากรณีศึกษานี้

1) “นาย A ทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ โดยทำการระบุ IP-Address โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย B ที่ เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว C เมื่อนางสาว C ทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ทดลอง” การกระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมาย ใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย

ตอบ.ผิดเพราะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนและผิดจริยธรรมมากๆ ทั้งต่อด้านตนเองและสังคม และผิดกฎหมาย ทางด้านการละเมิดลิทธิของนาย A

2) “นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตำราต่างๆ อีกทั้ง รูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียน ในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J” การ กระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย

ตอบ.ไม่ผิดจริยธรรมหรือกฎหมายใดๆทั้งสิ้นเพราะ นาย J แค่ต้องการทำเพื่อความสนุกสนานเท่านั้นไม่ได้คิดจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนแต่อย่างใด

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


แบบฝึกหัดบทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN 

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.หน้าที่ของไฟร์วอลล์(Firewall)คือ
   เป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสารระหว่างเขตที่เชื่อถือต่างกัน เช่น อินเตอร์เน็ต (อาจนับเป็นเขตที่เชื่อถือไม่ได้) และ อินทราเน็ต (เขตที่เชื่อถือได้) โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย ระดับโพรโทคอลของระบบเครือข่าย ความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลมีช่องโหว่ อาจนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้

2.จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์
   worm หมายถึง โปรแกรมซึ่งเป็นอิสระจากโปรแกรมอื่นๆ โดยขะแพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ที่อยู่บนเครือข่ายการแพร่กระจายจะคล้ายกับตัวหนอนที่เจาะไซหรือชอนไปยัะงเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆแพร่พันธุ์ด้วยการคัดลอกตนเองออกและส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป

3.ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
มี2ชนิด ได้แก่ 1) Application viruses 2) System viruses

4.ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัวคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
4.1 องค์กรมีนโยบายการให้ผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทุกคนต้องเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ หรืออย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
4.2 มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ใช้ระบบเข้าใช้ระบบในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
4.3 องค์กรอาจมีการนำอุปกรณ์ตรวจจับทางชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์
4.4 มีการเข้ารหัสข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
4.5 มีระเบียบการปฎิบัติในการควบคุมอย่างชัดแจ้งในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ


5.มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบันได้แก่

   เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร (Information and Communication Technology:ICT) มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันประเทศเข้าสู่สังคมโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีพื้นฐานแห่งการระดมสมอง ภูมิปัญญาและการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง
การที่เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคมในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อ เนื่องจนทำให้เกิด สภาพที่เรียกว่าพื้นที่ไซเบอร์ (Cyberspace) และโลกเสมือนจริง (Virtual World) นั้นมีผลทั้งในด้านดีและด้านเสีย ในด้านดีคือ เทคโนโลยีช่วยให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การทำงานต่างๆมีความสะดวกและรวดเร็ว มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เป็นเครื่องมือในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นได้ย่อโลกเราให้แคบลง ทุกสิ่งทุกอย่างเราสามารถค้นคว้าได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ในด้านการทำงานนั้นมันเป็นตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียว เพราะมันช่วยให้เราประหยัดเวลาในการทำงาน มันเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไป ติดต่อธุรกิจ นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์อีกมากมายแต่ในด้านดีนั้นมันก็ยังมีด้านเสีย ประกอบอยู่ด้วยเพราะสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะ เห็นว่ามี ปัญหาต่างๆมากมายที่เกิดตามมาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น คนในสังคมได้รับผลกระทบจากอัตราการจ้างงาน เมื่อมีการนำเอาระบบสารสนเทศมาใช้การจ้างงานจึงลดลง ทำให้คนขาดรายได้ และตกงาน เกิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เช่น การโจรกรรมผ่านระบบออนไลน์ เว็บไซด์ลามก การล่อลวงทางเพศในโลกออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีอันตรายทางอ้อมจากเว็บไซด์อันตราย เช่น เกมส์ออนไลน์ที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในหมู่เด็กๆ และการไม่รับผิดชอบต่อความผิดที่เกิดขึ้น เพราะยากในการสืบสวน สอบสวน เนื่องจากโลกไซเบอร์นั้นมันมีอยู่ทั่วทุกที่ ยากต่อการควบคุมให้อยู่ในกฎระเบียบ อีกทั้งมันยังส่งผลกระทบด้านภาษา เราพบว่ามีการใช้ภาษาที่สั้นกะทัดรัด เป็น คำที่ใช้เฉพาะกลุ่ม มีการใช้คำแผลง อาจส่งผลต่อการนำไปใช้ในชีวิตจริงๆพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่ทำการสร้างข่าว สารเท็จก่อให้เกิดความวุ่นวายกับเว็บไซด์  การฉ้อโกง การล่อลวงทางเพศ อาชญากรรมทางธุรกิจ โดยผู้กระทำผิดนั้นล้วนแล้วแต่ดำเนินการผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมันยากต่อการติดตามของเจ้าหน้าที่รักษาความเรียบร้อยบนพื้นที่ออนไลน์  ดังนั้นคุณธรรมและจริยธรรมในการทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่ไซเบอร์ คือ มาตรการหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเพื่อที่จะให้เกิดการพัฒนาอย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไปได้
แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาบนพื้นที่ไซเบอร์
1.มาตรการทางการบริหาร หน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องมีบุคลากรที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน และในขณะนี้ทางภาครัฐได้มีการดำเนินนโยบายขยายการใช้อินเทอร์เน็ตไปสู่ สังคมระดับรากหญ้า หากไม่มีการระมัดระวังและเตรียมการที่ดีก็อาจเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมและ กิจกรรมที่ไม่เหมาะสมบนอินเทอร์เน็ตไปสู่รากหญ้าและเยาวชนในชนบท แต่หากมีการเตรียมการที่ดี ตำบลอาจใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการกระจายความเจริญทางเทคโนโลยีและกระจาย องค์ความรู้ใหม่ ๆไปสู่สังคมได้ ดังนั้นหน่วยงานดังกล่าวจะต้องมีการวางมาตรการที่เด็ดขาดในการควบคุมดูแล พื้นที่ไซเบอร์ มีนโยบายที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ
2.มาตรการทางกฎหมายหน่วยงานที่ทำหน้าที่ใน การบังคับใช้กฎหมายต้องมีบุคลากรอย่างเพียงพอ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากกำหนดให้การกระทำอันมิชอบทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ต เป็นความผิดที่ไม่ต่างจากการกระทำในโลกจริงแล้วยังพยายามแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมาย เพิ่มอำนาจการสืบสวนสอบสวน เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานให้กับเจ้าพนักงานของรัฐรวมทั้งกำหนดให้ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวพันกับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลายมีหน้าที่ตาม กฎหมายต้องจัดเก็บส่งมอบหรือให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานเพื่อช่วยกันนำตัว ผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
3.มาตรการทางการ ควบคุมจรรยาบรรณ จะต้องมีเครือข่าย ที่มีการดูแล ผู้ประกอบอาชีพและทำกิจกรรมบนพื้นที่ไซเบอร์ ที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ควรมีการป้องกันการชี้นำความคิดที่ผิดให้แก่คนในสังคม การที่ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดสมาคมและเครือข่ายเพื่อดูแลกันเอง เพราะการเก็บข้อมูล หรือแสดงข้อมูล เพื่อแสดงตัวตน และความน่าเชื่อถือในขอบเขตเรื่องธุรกิจ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ก็เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และองค์กร เครือ ข่าย สมาคม ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังสามารถช่วยเหลือคนในวงการอินเตอร์เน็ต ช่วยคนทำเว็บไซต์ ใช้สายสัมพันธ์ในการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
4.มาตรการทางสังคม ต้องยกระดับและพัฒนาสถาบันพื้นฐาน เช่น สถาบันครอบครัวสถาบันศาสนา สถาบันทางสังคม และสถาบันทางธุรกิจให้มีความรู้ ความสามารถด้านไอทีเพียงพอที่จะดูแลบุคคลในสถาบันของตน โดยที่ผู้นำองค์กรทางธุรกิจและสังคมต้องมีความรู้ทาง ไอทีเป็นอย่างดี
5.มาตรการทางการศึกษา ควรพัฒนาการศึกษาระบบสารสนเทศและความรู้ไอทีให้กว้างขวาง รวมทั้งจัดทำหลักสูตรออนไลน์ ให้ครอบคลุมทุกสาขาวิชา ทั้งในและนอกระบบการศึกษา
6.มาตรการทาง คุณธรรมและจริยธรรม ได้แก่ การจัดระบบการให้การศึกษาแก่ผู้ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ทางด้านคุณธรรมและ จริยธรรม เพื่อให้เขาเหล่านั้นเข้าไปชักนำโลกเสมือนจริงและการทำกิจกรรมบนพื้นที่ไซ เบอร์ไปในทางที่ถูกที่ควร
ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี ประกาศใช้พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจัง มีผู้ควบคุมดูและระบบใหญ่และระบบย่อยทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดขึ้น นอกจากนี้ต้องมีการส่งเสริมให้คนมีคุณภาพเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ต และต้องสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นมากๆ รณรงค์ให้ผู้บริหารฯ อาจารย์ นักวิชาการ หรือแม้กะทั่งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ทำการเขียนบทความลง website  webblog เหล่านี้จะเป็นการส่งเสริมผลักดันให้มีเว็บไซต์คุณภาพ ที่สำคัญคือสถานศึกษาต้องปลูกฝังจิตสำนึกของนักเรียนในสถาบันของตนเองให้มี ความรู้ ความเข้าใจในการใช้Internet อย่างถูกต้อง

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แบบฝึกหัดบทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN 


จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว

1.การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด
ตอบ. เทคโนโลยีสารสนเทศ

2.เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?
ตอบ.ระบบการเรียนสอนทางไกล

3.การฝากอนเงินผ่าน ATM เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?
ตอบ.ระบบอัตโนมัติ

4.ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ.ถูกทุกข้อ

5.เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด?
ตอบ.การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ

6.เครื่องมือทีสำคัญในการจัดสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
ตอบ.ถูกทุกข้อ

7.ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ.เทคโนโลยีทำให้การสร้างพักอาศัยมีคุณภาพ

8.ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ?
ตอบ.เครื่องถ่ายเอกสาร

9.ข้อใกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ.ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

10.ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?
ตอบ.ถูกทุกข้อ

แบบฝึกหัดบทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ 

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN

1.จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ 
   หมายถึง การทำกิจกรรมหลักต่างๆ ในการจัดหาการจัดโครงสร้าง การควบคุมผลิต การเผยแพร่และการใช้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์การทุกประเภทอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งสารสนเทศในที่นี้หมายถึงสารสนเทศทุกประเภทที่มีคุณค่าไม่ว่าจะมีแหล่องกำเนิดจกภายในหรือภายนอกองค์การหมายถึง การผลิต จัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผยแพร่


2.การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและต่อองค์กรอย่างไร
ตอบ. ต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัีน การศึกษา แลการประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจำทำฐานข้อมูลส่วยบุคคลรวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวันบุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้านเพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข
   ต่อองค์การความสำคัญด้านการบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูงและด้านการดำเนินงานในหลายลักษณะเป็นที่งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน
   ต่อกฎหมายข้อังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การโดยเฉพาะ สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอ่างต่อเนื่อง


3.การพัฒนาของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
ตอบ 2 ยุค ได้แก่ 1.การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ 2.การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์


4.จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
4.1 อ่านหนังสือในเว็ปไซด์
4.2 ค้นหาข้อมูลต่างๆในเว็ปไซด์
4.3 เก็บภาพและงานต่างๆไว้ในอีเมลล์

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN


1.ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยข้อละ 3 ชนิด แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน

1) การบันทึกข้อมูลและจัดเก็บข้อมูล  เช่น
1.ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ
2.เทปแม่เหล็ก จานเเม่เหล็ก
3.บัตรเอทีเอ็ม ATM

2)การแสดงผล
1.เครื่องพิมพ์
2.จอภาพ
3.พลอตเตอร์

3)การประมวลผล
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์เเวร์

4)การสื่อสารและเครือข่าย
1.วิทยุ
2.โทรทัศน์
3.โทรเลข


ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความสัมพันธ์กัน

....ซอฟต์แวร์
ตอบ 3. เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้

....Information Technolog
ตอบ 6.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง


....คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมู
ตอบ 1.ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผล

....เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
ตอบ 4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วนได้เเก่ Sender Medium และDecoder

....ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ตอบ 10.ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

....ซอฟต์แวร์ระบบ
ตอบ 7.โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์

....การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดียที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ตามระดับควาสามารถ
ตอบ 9.CAI

....EDI
ตอบ 8.โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์เเวร์ประเภท

....การสื่อโทรคมนาคม
ตอบ 5.การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย

....บริการชำระภาษีออนไลน์
ตอบ 2.e-Revenue

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

บทความที่ 2

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN

สาเหตุ 31 ประการของความล้มเหลวในชีวิต

1. อุปนิสัยในการปล่อยตัวล่องลอยไปตามประสบการณ์นั้น โดยปราศจากจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์
2. ความบกพร่องทางด้านร่างที่เป็นมาโดยกำเนิด
3. ความสอดรู้สอดเห็นที่เอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นจนทำให้เสียงาน
4. ขาดเป้าหมายหรือจุดประสงค์ที่แน่นอนในชีวิต
5. ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเพียงพอทำให้รู้เท่าไม่ถึงการ
6. ขาดวินัยในตัวเองทำให้กลายเป็นคนเกินตัวในเรื่องกิน ดื่ม และเซ็กซ์ หรือไม่เอาใจใส่ต่อโอกาสก้าวหน้าของตน
7. ขาดความทะเยอทะยาน ที่จะตั้งเป้าหมายเหนือสิ่งสามัญหรือชีวิตที่ดีกว่า
8. สุขภาพไม่สมบูรณ์เนื่องจากความเข้าใจผิด ๆ บริโภคไม่ได้สัดส่วนและขาดการออกกำลังกายจนหมดสภาพ
9. สภาพแวดล้อมในวัยเด็กที่มีผลต่อความคิด กล่าวกันว่า บุคลิกภาพโดยพื้นฐานเริ่มฝังแน่นในตัวบุคคลเมื่ออายุ 7 ขวบ พ่อแม่มีส่วนด้วย
10. ขาดความแน่วแน่ในการกระทำเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย
11. มีทัศนคติเชิงลบที่ฝังเป็นนิสัย เพราะสภาพจิตใจอ่อนแอ
12. ขาดการควบคุมอารมณ์และจิตใจจนทำให้เสียงาน
13. ปรารถนาในสิ่งที่ไร้ประโยชน์หรือมีนิสัยชอบพนัน
14. ล้มเหลวในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดฉับพลัน และไม่ยืนหยัดตามหนทางที่ตนเลือก
15. มีความกลัวในบรรดาความกลัวพื้นฐานทั้ง 7 ประการ
16. เลือกคู่ครองผิดในการแต่งงานจนนำพาไปสู่ห้วงทุกข์
17. ระมัดระวังเกินไปในความสัมพันธ์ทางด้านธุรกิจและด้านอาชีพ
18. ขาดความรอบคอบในทุกรูปแบบเพราะสำคัญผิด
19. เลือกการสมาคมที่ผิดพลาดในสายงานธุรกิจและอาชีพเพราะความประมาท
20. เลือกอาชีพผิดพลาดหรือขลาดเกินกว่าจะตัดสินใจ
21. ขาดความตั้งใจที่จะพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด
22. นิสัยในการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โดยไม่มีการควบคุมงบประมาณรายรับรายจ่าย
23. ล้มเหลวในการวางแผน ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ที่สุด
24. ขาดความยับยั้งชั่งใจในการทำการใด ๆ
25. ปิดกั้นที่จะรับรู้หรืออคติ ที่จะรับฟังเรื่องศาสนา การเมือง และเศรษฐกิจ
26. ล้มเหลวในการร่วมมือกับผู้อื่นด้วยจิตใจปรองดอง
27. ครอบครองอำนาจหรือความร่ำรวยโดยไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรมหรือได้มาโดยไม่ชอบธรรม
28. ขาดจิตใจแห่งความซื่อสัตย์ต่อคนที่ควรซื่อสัตย์
29. ทิฐิและเชื่อมั่นในตัวตน โดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
30. คิดและวางแผนโดยปราศจากข้อมูลขั้นต้นที่จำเป็น
31. ไม่เต็มใจทำงานนอกเหนือความรับผิดชอบ

อ้างอิง

http://www.gracezone.org/index.php/general-artical

บทความ 1

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008กลุ่มเรียนที่ 2ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN

สมุนไพรขมิ้นชั้น



ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

  ขมิ้นเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 30-95 ซม. เหง้าใต้ดินรูปไข่ อ้วนสั้น มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้าม เนื้อในเหง้าสีเหลืองส้มหรือสีเหลืองจำปาปนสีแสด มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว กลางใบสีแดงคล้ำ แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม. ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู

การปลูกเลี้ยง

 ขมิ้นเกลียดอากาศค่อนข้างร้อนและไม่มีความชุ่มชื้นในเวลากลางคืน วิธีปลูกใช้แก้นิวที่อายุได้ 100 - 1,200 ปี ทำพันธุตัดออกเป็นท่อนละ 1-2 ตา ปลูกลงแปลงหลังจาก 7 วันรากก็จะเริ่มงอกควรรดน้ำทุกวัน หลังจากนั้นเมื่อขมิ้นมีอายุได้ 9-10 เดือนจึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ แถมยังมีอะไรไม่รู้ออกมาตามลำต้น

รสและสรรพคุณยาไทย

เหง้าของขมิ้นมีรสฝาด กลิ่นหอม สามารถเก็บมาใช้เมื่อมีช่วงอายุ 9-10 เดือน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และ มีฤทธิ์ในการขับน้ำดี น้ำมันหอมระเหย ในขมิ้นชันมีสรรพคุณบรรเทา อาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุดเสียด แก้โรคผิวหนัง ขับลม แก้ผื่นคัน แก้ท้องร่วง อาจช่วยรักษาโรค รูมาตอยด์ได้ ยังไม่ยืนยันแน่ชัด

เหง้าขมิ้นมีสารประกอบที่สำคัญ เป็นน้ำมันหอมระเหย และในเหง้ายังมีสารสีเหลืองส้มที่เรียกว่าเคอร์คูมิน สารสกัดด้วยเอทานอลจากเหง้าสดมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและต้านอนุมูลอิสระ ขมิ้นสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดอาการอักเสบ มีฤทธิ์ในการขับน้ำได้ดี น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นมีสรรพคุณรักษาปวดท้องเสียด ท้องอืด แน่นจุกเสียด ขมิ้นไม่มีพิษเฉียบพลัน มีความปลอดภัยสูง

อาหารที่ใช้ขมิ้นเป็นส่วนประกอบได้แก่แกงเหลือง แกงไตปลา แกงกอและ แกงฮังเล ข้าวแขก ข้าวหมกไก่ ขนมเบื้องญวน และเป็นส่วนประกอบสำคัญของผงกะหรี่ ขมิ้นใช้ย้อมผ้าให้ได้สีเหลือง ถ้าใส่ใบหรือผลมะขามป้อมลงไปด้วยจะได้สีเขียว นอกจากนั้น ในการทำปูนแดง จะนำปูนขาวมาผสมกับขมิ้น ในสมัยก่อนนิยมเอาผงขมิ้นทาตัวให้ผิวเหลือง รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ใช้ทาศีรษะหลังโกนผม เพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดจากการใช้มีดโกนโกนผม

วิธีใช้ประโยชน์

แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด อาหารไม่ย่อย อาการแสบคัน แก้หิว และแก้กระหาย ทำโดยล้างขมิ้นให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ตากแดดจัดสัก 1-2 วัน บดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นเม็ดขนาดปลายนิ้วก้อย กินครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3 -4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน แต่บางคนเมื่อกินยานี้แล้วแน่นจุกเสียดให้หยุดกินยานี้
*ถ้ายังไม่หายให้ไปหาหมอ

อ้างอิง

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ  

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN

คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
ก. ความสามารถในการกลั่นกลอง และประเมินค่าสารสนเทศที่หามาได้
ข. ความสามารถในการตัดสินใจใช้สารสนเทศรูปแบบต่างๆ
ค. ความสามารถของบุคคลในการสืบค้นและพัฒนาสารสนเทศ
ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ
ตอบ ง.ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ

2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
ก. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ข. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
ค. ความสามารถในการประมวลผลสารสนเทศ
ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบ ง.ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
ก. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ข. สามารถใช้สารสนเทศในการดำเนินชีวิต
ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
ง. ใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาสารสนเทศได้
ตอบ ค.ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
ก.  โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเน้นวัตถุนิยมมากขึ้น
ข.  ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
ค.  สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
ง.   ช่วยบุคคลเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ตอบ ค.สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง

5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
 ก. 1-2-3-4-5                 ข. 2-4-5-3-1              ค. 5-4-1-2-3              ง. 4-3-5-1-2
ตอบ ค.5-4-1-2-3

บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008กลุ่มเรียนที่ ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN


1.ให้นิสิตหารายชื่อเว็ปไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ

1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
=http://forum.datatan.net/index.php/topic,126.msg126.html
=http://www.csjoy.com/story/net/tne.htm
=http://drpaitoon.com/


1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
=http://www.thaigoodview.com/node/91221
=http://forum.datatan.net/index.php/topic,126.msg126.html
=http://www.prachyanun.com/artical/ict.html


1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
=http://www.wangjom.com/newseducation/12428.html
=http://www.bcoms.net/temp/lesson12.asp
=http://www.siit.tu.ac.th/thai/it.html


1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
=http://www.prachyanun.com/artical/ict.html
=http://www.bankokyangschool.ac.th/learning-computer/212-information-technology.html
=http://bunmamint18.blogspot.com/


1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
=http://board.dserver.org/s/sukunyap/00000003.html
=http://www.nextproject.net/contents/default.aspx?00100
=http://www.most.go.th/main/index.php/flagship/116-nstda/1719---2550-.html


1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
=http://www.slideshare.net/Mazda007/unit8-6055932
=http://www.panteethai.com/links.asp
=http://www.pantip.com/cafe/library/link/


1.7การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
=http://www.softbizplus.com/computer/556-professional-computer-branches
=http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C
=http://www.dpu.ac.th/eng/ce/



1.8การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
=http://forum.datatan.net/index.php/topic,126.msg126.html
=http://www.acr.ac.th/acr/library/link/com.htm
=http://www.oae.go.th/ewt_news.php?nid=6582&filename=index


1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
=http://website.jajar.com/ict-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-itu-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
=http://www.most.go.th/main/index.php/product/projects-along-the-royal/sxdasd/2138-project-it2.html
=http://website.jajar.com/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5/


2.มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง

= อินเตอน์เน็ต
= wireless
= ห้องสมุดเทคโนโลยี

3. จากข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยนช์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
= นำมาใช้ในการศึกษาหาข้อมูล
= สืบค้นข้อมูลต่างๆเพื่อการศึกษา
= นำมาทำให้ตนเองมีความสุข

บทที่ 1 แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่

วิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
กลุ่มเรียนที่ 2
ชื่อนายเกรียงไกร หาศิริ รหัสประจำตัว 57010110506 CHIN


จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูล หรือสารสนเทศ

1.ข้อมูลหมายถึง
ตอบ.ข้อมูลหมายถึงข่าวสาร เอกสาร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของหรือเหตุการณ์ในรูปแบบของตัวเลข ภาพ ตัวอักษร และสัญลักษณ์ต่างๆ เช่นคะแนนสอบวิชาภาษาไทย จำนวนนักเรียนในห้อง

2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ
ตอบ.ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Source) คือ สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการ ผลของการศึกษาค้นคว้า วิจัย รายงาน การค้นพบทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ซึ่งนำไปสู่การยอมรับเป็นทฤษฎีใหม่ที่เชื่อถือได้ สารสนเทศประเภทนี้มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของสิ่งพิมพ์ เช่น วารสาร รายงานการวิจัย รายงานการประชุมมและสัมมนาวิชาการ สิทธิบัตร เอกสารมาตรฐานต่าง ๆ ต้นฉบับตัวเขียน จดหมายเหตุ วิทยานิพนธ์ และการถ่ายทอดทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วารสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ
ตอบ.ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีและสาระสังเขป เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ สื่ออ้างอิงประเภทต่าง ๆ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความ รวมถึงหนังสือ ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม พจนานุกรม รายงานสถิติต่าง ๆ ดรรชนีและสาระสังเขป

4.สารสนเทศหมาถึง
ตอบ.สารสนเทศ หรือสารนิเทศ (Information) เป็นคำเดียวกันซึ่งสามารถให้ความหมายอย่างกว้างๆ ว่าหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เรื่องราว ข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความหมายในเชิงลึกว่า หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ผ่านการประมวลผล ซึ่งมีความหมายและสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน หรือการทำงานนั้นๆ

5.จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ
ตอบ.ประเภทของระบบสารสนเทศ

 ระบบสารสนเทศจำแนกตามโครงสร้างองค์การ (Classification by Organizational Structure)
การจำแนกประเภทนี้เป็นการจำแนกตามโครงสร้างขององค์การ ตั้งแต่ระดับหน่วยงานย่อยระดับองค์การทั้งหมด และระดับระหว่างองค์การ

สารสนเทศของหน่วยงานย่อย (Departmental information system)
หมายถึงระบบสารสนเทศที่ออกมาเพื่อใช้สำหรับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งขององค์การ โดยแต่ละหน่วยงานอาจมีโปรแกรมประยุกต์ใช้งานใดงานหนึ่งของตนโดยเฉพาะ เช่น ฝ่ายบุคลากรอาจจะมีโปรแกรมสำหรับการคัดเลือกบุคคลหรือติดตามผลการโยกย้ายงานของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน โดยโปรแกรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องของฝ่ายบุคลากรจะมีชื่อว่าระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human resources information systems)

ระบบสารสนเทศของทั้งองค์การ (Enterprise information systems)
หมายถึงระบบสารสนเทศของหน่วยงานที่มีการเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ทั้งหมดภายในองค์การ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือองค์การนั้นมีระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงทั้งองค์การ

ระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงระหว่างองค์การ (Interorganizational information systems-IOS)
เป็นระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงกับองค์การอื่นๆ ภายนอกตั้งแต่ 2 องค์การขึ้นไป เพื่อช่วยให้การติดต่อสื่อสาร หรือการประสานงานร่วมมือมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการผ่านระบบ IOS จะช่วยทำให้การไหลของสารสนเทศระหว่างองค์การหรือทั้งซัพพลายเชน (Supply chain) เป็นไปโดยอัตโนมัติ เพื่อใช้ในการวางแผน ออกแบบ การพัฒนา การผลิต และการส่งสินค้าและบริการ

การจำแนกตามหน้าที่ขององค์การ (Classification by Functional Area)
การจำแนกระบบสารสนเทศประเภทนี้จะเป็นการสนับสนุนการทำงานตาหน้าที่หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ขององค์การ (Turban et al.,2001) โดยทั่วไปองค์การมักใช้ระบบสารสนเทศในงานที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ต่างๆ เช่น
·        ระบบสารสนเทศด้านบัญชี (Accounting information system)
·        ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Finance information system)
·        ระบบสารสนเทศด้านการผลิต (Manufacturing information system)
·        ระบบสารสนเทศด้านการตลาด (Marketing information system)
·        ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human resource management information system)

การจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ (Classification by Support Provided)
การจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ แบ่งเป็น 3 ประเภทย่อย คือ ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ (Transaction Processing Systems) ระบบสารสนเทศแบบรายงานเพื่อการจัดการ (Management Reporting Systems) และระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems)

ระบบสารสนเทศแบบรายงานเพื่อการจัดการ (Management Reporting Systems)
เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการทำรายงานตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และช่วยในการตัดสินใจที่มีลักษณะโครงสร้างชัดเจนและเป็นเรื่องที่ทราบล่วงหน้า

ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems)
เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยผู้บริหารตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ มีความยืดหยุ่นสูง และมีลักษณะโต้ตอบได้ (interactive) โดยอาจมีการใช้โมเดลการตัดสินใจ หรือการใช้ฐานข้อมูลพิเศษช่วยในการตัดสินใจ

ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ(Transaction Processing Systems -TPS)
เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลข้อมูลที่เกิดจากธุรกรรมหรือการปฏิบัติงานประจำหรืองานขั้นพื้นฐานขององค์การ เช่น การซื้อขายสินค้า การบันทึกจำนวนวัสดุคงคลัง เมื่อใดก็ตามที่มีการทำธุรกรรมหรือปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเกิดขึ้นทันที เช่น ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คือ ชื่อลูกค้า ประเภทของลูกค้า จำนวนและราคาของสินค้าที่ขายไป รวมทั้งวิธีการชำระเงินของลูกค้า

6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆ ที่อาจเป็นตัวเลขข้อความเสียงคือ
ตอบ.ข้อมูล

7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น
ตอบ.สารสนเทศ

8.ส่านสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น
ตอบ.นางสาวรัตนาพร รัตนวงศ์ สูง160
       นาย ปราโมทย์ เพ็งพารา  สูง173
       เป็นข้อมูลปฐมภูมิ

9.ผลของการลงทะเบียนเป็น
ตอบ.ข้อมูลทุติยภูมิ

10.กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน Section วันอังคารเป็น


ตอบ.ข้อมูลตติยภูมิ